ถึงเวลาแล้วสำหรับ Solar Rooftop ของประเทศไทย
จาก ความเข้าใจเดิมๆ ที่ว่ากันว่าการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มีต้นทุนต่อหน่วยการผลิตที่สูงกว่าการลงทุนพลังงานทางเลือกอื่นนั้น ปัจจุบันความจริงได้เปลี่ยนไปแล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีแผงโซล่าเซลล์อย่างต่อเนื่องของผู้ผลิตทำให้
ราคาแผงโซล่าร์เซลล์ลดลงอย่างต่อเนื่องในขณะที่ประสิทธิภาพขกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ อ้างอิงจากการสำรวจสเปคแผงโซล่าร์เซลล์ของบริษัทผู้ผลิต ที่เผยแพร่ตามเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการ สรุปเป็นลำดับจาก 1 ถึง 10 แยกเป็น 2 ชนิด
1. โมดูลโซล่าเซลล์ชนิด Mono Crystalline
2. โมดูลโซล่าเซลล์ชนิด Poly Crystalline
การสำรวจนี้เป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2011 ปัจจุบัน ตัวเลขได้ขยับสูงขึ้นมากกว่า 10% แล้ว
พลังงาน แสงอาทิตย์ แสงแดด เป็นวัตถุดิบที่ไม่มีต้นทุน ถ้าเราเริ่มต้นนำมาไปใช้ประโยชน์ได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งจะเกิดผลดีทั้งทางตรงและทางอ้อม บทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ ออกมาเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลให้แก่ผู้ที่สนใจติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในลักษณะต่างๆ ด้วยประสบการณ์ของผู้เขียน จะสรุปการใช้งานพลังงานแสงอาทิตย์ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. การลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบสายส่งของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่ สถานการณ์ตอนนี้ ผู้ลงทุนรายใหม่คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเกิดปัญหาเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมที่ยังไม่มีความแน่นอน และจากการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุนและลงทุนมากเกินกว่าที่นโยบายกำหนด จำนวนไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาแก้ปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังไม่มีการกำหนดนโยบายใหม่ที่มีความชัดเจนออกมา
2.
การติดตั้งแผงโซลาเซลล์ตามหลังคาบ้าน
Solar rooftop แบบ on-grid(เชื่อมต่อระบบจำหน่ายไฟได้) และ off-grid (Stand Alone เชื่อมต่อซื้อขายไฟฟ้าไม่ได้) จากการศึกษาตัวเลขที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไป ถือว่ามีความคุ้มค่าที่จะลงทุนติดตั้งใช้เองตามครัวเรือน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุน Adder (การสนับสนุนการลงทุน กฟภ ซื้อไฟฟ้าเข้าระบบแพงกว่าขายให้กับผู้ใช้) เหมาะสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าสูงกว่า 400 หน่วย ขึ้นไป แต่อาจติดปัญหาความยุ่งยากในส่วนของการขอรับอนุญาตจากหน่วยงานควบคุม กระทรวงอุตสาหกรรมที่มองว่าการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าจากแสง อาทิตย์ เป็นโรงงานประเภทหนึ่ง จะต้องได้รับอนุญาติใบ รง ก่อนจึงจะสามารถติดตั้งและเชื่อมต่อระบบสายส่งได้ ซึ่งปัญหานี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ในระหว่างการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อระบบโซล่าร์รูฟของประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เหมือนกับต่างประเทศ ในอนาคตอันใกล้นี้
3. การติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์เพื่อการเกษตร นำมาใช้กับระบบสูบน้ำในพื้นที่ที่ระบบสายส่งไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง สามารถนำแผงโซล่าร์เซลล์และปั๊มน้ำชนิดไฟฟ้ากระแสตรง มาใช้ร่วมกันได้ ปั๊มน้ำจะทำงานในช่วงเวลากลางวันที่มีแสงแดด สูบน้ำมาเก็บไว้ในแท้งค์น้ำ ขนาดกำลังการติดตั้งขึ้นอยู่กับสเปคของปั๊มน้ำที่ใช้ ปั๊มโซล่าร์บางรุ่น สามารถต่อไฟฟ้ากระแสตรงจากแผงโซล่าเซลล์มายังปั๊มได้เลยทันที งบประมาณที่ใช้ แผงโซล่าร์ประมาณ 1,500 W (ประมาณ 2 แรงม้า) ประมาณ 55,000 ส่วนปั๊มน้ำ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและยี่ห้อ และชนิด ที่นำมาใช้ ราคาตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท
4. นำไปใช้งานกับโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ หรือ หน่วยงานท้องถิ่น ที่มีความกระตืนรือล้นและสนใจทางด้านพลังงานทดแทน
ต่อไปจะลองวิเคราะห์ตัวเลข ความเป็นไปได้ที่จะลงทุนติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคาบ้าน หรือ หลังคาโรงงาน ของท่าน
เบื้องต้นมาลองศึกษาตัวเลขค่าไฟฟ้าที่เราต้องจ่ายให้กับ การไฟฟ้าฯ ว่าเขาคิดค่าไฟเราจริงๆแล้ว หน่วยละกี่บาทกันแน่
อ้างอิงข้อมูลจากเว็ปไซต์ การไฟฟ้านครหลวง
| ค่าพลังงานไฟฟ้า |
|
|
| 150 หน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) แรก (หน่วยที่ 1 – 150) |
หน่วยละ
|
2.7628 บาท
|
| 250 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 151 – 400 ) |
หน่วยละ
|
3.7362 บาท
|
| เกินกว่า 400 หน่วย ( หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป ) |
หน่วยละ
|
3.9361 บาท
|
| ค่าบริการ (บาท/เดือน) : |
38.22
| |
ตัว เลขที่น่าสนใจคือ ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 400 หน่วยต่อเดือน จะเสียค่าไฟฟ้าอัตราก้าวหน้าหน่วยละ 3.9361 บาท ซึ่งถ้ารวมกับค่า Ft ปัจจุบัน ประมาณหน่วยละ 0.5 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% เท่ากับ หน่วยละ (3.9361+0.5) x 1.07 = 4.75 บาท แต่ยังไม่เพียงเท่านั้น การที่มีนโยบายจากรัฐบาลยกเว้นเก็บค่าไฟฟ้าแก่ผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 50 หน่วย ไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้านั้น ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลเป็นผู้จ่ายค่าไฟให้ แต่เป็นการผลักภาระให้แก่ผู้ที่ใช้ไฟมากเช่น บ้านเรือนขนาดใหญ่ สำนักงาน โรงงาน ร้านค้า เป็นผู้รับผิดชอบ ช่วยกันเฉลี่ยจ่ายค่าไฟจำนวนเหล่านั้นแทน อีกทั้งค่า FT ที่แปลผันไปตามความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าโดยตรง
บิลค่าไฟฟ้าเมื่อเดือนธันวาคม 2555
จากตารางการคำนวณค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้า
| 150 หน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) แรก (หน่วยที่ 1 – 150) |
หน่วยละ
|
2.7628 บาท
|
| 250 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 151 – 400 ) |
หน่วยละ
|
3.7362 บาท
|
150 หน่วยแรกค่าไฟฟ้าเท่ากับ ((150 x (2.7628+0.5)) x 1.07 = 523.68 บาท
หน่วยที่ 151-400 ค่าไฟฟ้าเท่ากับ ((250 x (3.7362+0.5)) x 1.07 = 1,133.18 บาท
เพราะฉะนั้นค่าไฟส่วนที่เกิน 400 หน่วย สามารถคำนวณย้อนกลับมาได้โดยประมาณดังนี้
จำนวนหน่วยที่เกิน 400 เอาตัวเลขหน่วยที่ใช้ 2112 – 400 = 1,712 หน่วย
ค่าไฟต่อหน่วยส่วนที่เกิน 400 หน่วย = (9,778.80-523.68 – 1,133.18)/1,712 = 4.74 ตัวเลขใกล้เคียงตามตารางอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ
เพราะ ฉะนั้น เราจะนำตัวเลข 4.75 บาทต่อหน่วยเป็นฐานในการคำนวณความคุ้มค่าในการลงทุนติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ จุดประสงค์เพื่อการลดภาระค่าไฟฟ้า
สมมุติ เราตั้งเป้าหมายต้องการลดค่าไฟฟ้าลง 3,200 บาท ต่อเดือน ก็จะต้องหาแผงโซล่าเซลล์มาติดตั้งให้เพียงพอที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 675 หน่วย หรือ 675kW ต่อเดือน (3,200/4.75)
โดยเฉลี่ยแล้วความสามารถ ในการผลิตกระแสไฟฟ้าของแผงโซล่าร์เซลล์ต่อวัน เท่าที่มีข้อมูลสรุปกันออกมาจะอยู่ที่ประมาณ 4 -4.5 ชั่วโมง (จำนวนชั่วโมงที่แผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ 100%) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ และมุมในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์
กรณีที่คิดจาก 4.5 ชั่วโมง สามารถคำนวณหาขนาดกำลังติดตั้ง เท่ากับ (675หน่วย/30วัน) / 4.5 ชั่วโมง = 5 kW
งบประมาณในการติดตั้งระบบโซล่ารูฟทอปโดยประมาณสำหรับขนาด 5 kw จะอยู่ระหว่าง 280,000-300,000 บาท
ระยะเวลาการคืนทุน 280,000/3,200 = 87.5 เดือน หรือ 7-8 ปี ในกรณีที่การติดตั้งมีความสมบูรณ์ไม่เกิดปัญหาใดๆ
แต่ถ้าหากแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าระยะเวลาคืนทุนก็จะยิ่งสั้นลง
ตัวอย่างบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซล่าเซลล์